วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หมางับเนื้อ

       มีเรื่องเล่าว่ามีหลวงพ่อองค์หนึ่งชอบทำอะไรแปลกๆ  
      วันหนึ่งในเทศกาลกฐิน มีชาวกรุงเทพฯ เอากฐินไปทอดที่วัด คณะกรรมการวัดได้จัดงานกันใหญ่โต  มีมหรสพ หนัง ลิเก ดนตรี ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน ก่อนทอดกฐิน มีผู้คนมารวมกันเต็มศาลา
       หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง แล้วเอาเชือกมาด้วย  หลวงพ่อจัดการเอาก้อนเนื้อผูกติดกับหลังหมาผูกเสร็จก็ปล่อยหมา
       หมาเห็นก้อนเนื้ออยู่บนหลังก็ไล่งับ  พอหัวกระโดดงับตัวก็ขยับหนี เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง ยิ่งกระโดดงับเร็ว ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว หมากระโดดงับไม่หยุด ก้อนเนื้อก็หนีไม่หยุด 
น่าสงสารหมามาก หมากระโดดอยู่นาน งับเท่าไหรก้อนเนื้อก็ไม่เข้าปากสักที
       ผู้คนบนศาลาพากันหัวเราะชอบใจหัวเราะเยาะหมาว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้ ไล่งับจะกินเนื้อที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทันตลอดชีวิต
       หลวงพ่อมองดูผู้คนที่พากันหัวเราะสนุกสนานจนหนำใจแล้ว ก็แก้เชือกออกจากหลังหมาแล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า 
       "มนุษย์เรามีความรู้สึกว่าตัวเองพร่อง ตัวเองยังไม่เต็ม ต้องเติมอยู่ตลอดเวลา เติมไม่หยุดเพื่อให้ตัวเองเต็ม
       เราอยากสวยอยากทันสมัยไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด ทันสมัยที่สุดใส่ ดีใจได้เดือนเดียวมีรุ่นใหม่ ออกมาอีกแล้วสวยกว่าทันสมัยกว่า
       อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่  ซื้อเสร็จสามเดือนรุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว
       ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด  สองเดือนต่อมามีรุ่นใหม่กว่าออกมา  ของเราตกรุ่น
       ซื้อรถเบนซ์ทันสมัยที่สุดแพงมาก  ขับได้หกเดือนมีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้วทันสมัยกว่าแพงกว่า  ของเรากลายเป็นเชย
       เราต้องก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งวันทั้งคืนหาเงินมาเพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ มือถือใหม่  คอมพิวเตอร์ใหม่  รถยนต์คันใหม่  ด้วยความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น
       ปัจจุบันเรากำลังไล่งับความทันสมัยเหมือนหมาที่่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน ทั้งที่รู้ว่าต่อให้ไล่งับทั้งชีวิตก็ไม่มีทางตามทัน  น่าสงสารไหมโยม"
 
       คนเต็มศาลาซึ่งเมื่อสักครู่ได้หัวเราะครึกครื้นด่าว่าหมามันโง่ตอนนี้เงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น