วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

มองเมืองมองคน


 ทั้งสองตาคอยส่องที่มองเห็น

เก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้นึกถึง

เพราะอาจมีบางภาพที่ซาบซึ้ง

เมื่อครั้งหนึ่งเคยผ่านบ้านเมืองนี้


สงบเงียบงามเรียบร้อยไม่ด้อยค่า

สะอาดตาพาสุขกายหลายถิ่นที่

สื่อเอกลักษณ์ของเมืองรุ่งเรืองทวี

และบ่งชี้ระเบียบวินัยแห่งใจคน

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2566

ท้องฟ้า ทะเล และ..



 คอยรอฟ้าเมฆลมมาห่มคลื่น

ตะวันยื่นแสงฉาบทาบทอผิว

ละลอกคลื่นระยิบกะพริบพริ้ว

ใจเจียนปลิวหายวับไปกับลม


ได้อาศัยสะพานเป็นด่านกั้น

เพื่อก่อฝันยามผ่านผสานผสม

ทั้งทะเลเมฆลมฟ้าน่าชื่นชม

เห็นกลืนกลมชวนสนุกทุกมุมมอง


เป็นไอน้ำและไอดินในถิ่นที่

อากาศดีมีแง่งามทุกยามส่อง

เด่นสะพานเลียบเมืองดูเรืองรอง

ชวนให้ตรองคิดฝันสวรรค์ทะเล


#สะพานชลมารควิถี

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

ความพอดี ที่พอดี


 

ถ้าเติมความพอดีให้ชีวิต

สนองจิตจริตดีที่สรรหา

ไม่ประวิงสิ่งเสียไปไหนได้มา

มองคุณค่าแก่สิ่งที่ยังมีคุณ


มีไม่มากเกินไปและไม่ขาด

ไม่ต้องคาดหวังเผื่อใครเกื้อหนุน

ไม่กินแรงไม่ออมแรงหรือแย่งตุน

ทุกคนจุนใจเจือต่างเอื้อกัน


เติมพอดีที่งามอร่ามร่วม

สังคมรวมมีการสมานฉันท์

ส่งเสริมดีที่ร้ายก็คลายพลัน

ร่วมแบ่งปันสุขทวีที่ถาวร

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2566

เวลา


 จะยื้อยุดหยุดเวลาว่าอย่าผ่าน

พักนานนานอยู่กับที่จะดีเหลือ

ตัดอดีตอนาคตให้หมดเชื้อ

ให้คงเหลือปัจจุบันเช่นวันนี้


แต่บางคนบนทางระหว่างฝัน

รอถึงวันอันพ้นทุกข์ได้สุขขี

อยากเร่งวันเวลาอย่าช้าที

เร่งเร็วรี่สู่วันใหม่อย่าได้ช้า


สำหรับผู้ติดในสุขสนุกสนาน

นานไม่นานอย่างไรก็ไม่ว่า

เพียงไม่ทุกข์สนุกใดขอให้มา

วันเวลาผ่านอย่างไรไม่กังวล


จะยื้อยุดหยุดเวลาหาได้ไม่

อดีตไปปัจจุบันมาอย่าสับสน

เวลาเอื้อให้เท่าทันกันทุกคน

แต่เกิดผลจากเวลาค่าต่างกัน

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2566

เล่น เล่นๆ


 

แก่ไม่แก่ก็ปรับใจให้ทันยุค

สุขไม่สุขก็กดรูดพิสูจน์สมอง

ทั้งแต่งรูปเรียงคำเป็นทำนอง

บางทีต้องแปลความตามเนื้องาน


บางทีดูเหมือนเล่นเห็นเห็นอยู่

แท้เพ่งดูหน้าจอไปผ่านไม่ผ่าน

บ้างปล่อยใจรวยรินจินตนาการ

ให้เบ่งบานที่ลานใจใครบางคน


มีเครื่องมือซื้อใส่ไว้ในเครื่อง

ก็ไม่เปลืองเมื่อใช้แล้วได้ผล

จะคิดเขียนทำอะไรตามใจตน

ได้ทุกหนทุกแห่งที่มีความคิด


วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566

สายสงบ


 เป็นตัวตนคนธรรมดามามือเปล่า

เพียงหอบเอาบุญกรรมนำมาด้วย

มีปัจจัยในทางธรรมเอื้ออำนวย

เสริมส่งช่วยส่องทางสว่างมา


สงบเงียบเรียบง่ายเป็นสายสงบ

ไม่เจนจบโลกชีวิตหลากปริศนา

ด้วยครรลองครองตนคนธรรมดา

ไม่ปรารถนาดังเด่นดีที่เหนือใคร

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566

อดีต-ปัจจุบัน


 

ทุกทุกที่มีเรื่องราวให้กล่าวถึง

เป็นเรื่องซึ่งดีงามมีความหมาย

และเรื่องที่โรมรันฝ่าอันตราย

มีทำลายมีสร้างสรรค์สืบกันมา


เป็นประวัติที่สะท้อนย้อนผ่านยุค

อาจจะปลุกวิญญาณผู้หาญกล้า

และอาจเป็นแนวทางเอื้อเพื่อพัฒนา

เพื่อรักษาสิ่งที่รักอย่างสมัครใจ


ทุกอย่างเป็นปัจจัยให้ได้เรียนรู้

ที่เป็นอยู่มีรกรากมาจากไหน

ปัจจุบันจะสรรค์สร้างกันอย่างไร

ถ้าอดีตไม่มีใครสร้างอย่างที่เป็น

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2566

ระวังคนหลอกคน


 คนจะดีที่พฤติกรรมเหนือคำพูด

ซึ่งพิสูจน์ด้อยดีงามทรามถ่อยเถื่อน

หรือแสร้งดีแต่ถ้อยคำพร่ำเลอะเลือน

ทำตนหมือนเป็นตามบทกำหนดมา


เวลาอ่านหรือฟังความตามสื่อเสนอ

ไม่ควรเผลอเห็นดีงามตามเนื้อหา

ควรตรวจสอบให้เป็นเห็นเจตนา

ประเมินค่าเรื่องราวข่าวสารนั้น


อย่าปล่อยใจให้เห็นงามตามสิ่งล่อ

ฉลาดพอไม่ตามใจเรื่องในฝัน

รู้จักแยกไหนดีชั่วพ้นพัวพัน

รู้ป้องกันคนหลอกคนให้พ้นทาง


วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2566

ชมนม(ชีส)




 ใช้เพียงตามองไม่รู้ดูไม่เห็น

ว่ามันเป็นอย่างไรทำใจฉงน

คือของแท้หรือนี่มีปลอมปน

แท้คือผลพัฒนามาจากนม

จึงไม่ได้มาชมนมขาวขาว

ชมเรื่องราวชีสที่มีปั่นบ่ม

แปรรูปเสร็จมีขายให้และชม

ได้แต่ดมไอหอมหอม..ไม่พร้อมชิม

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2566

มองตน ปรับตัว


 

ถ้ามองตนให้เหมือนมองส่องคนอื่น

ไม่ต้องฝืนกรอบการคิดเป็นปริศนา

ให้มองตนเห็นตัวตนคือคนธรรมดา

ไม่เหนือกว่าหรือต่ำต้อยด้อยกว่าใคร


ด้วยดวงตาและหัวใจไม่เอียงข้าง

รู้ทุกอย่างตนได้เห็นเป็นแบบไหน

ได้มองชัดว่าตนเป็นเช่นอย่างไร

มีส่วนไหนเด่นหรือด้อยมากน้อยนัก


ได้หยุดมองความเป็นไปในชีวิต

ทั้งความคิดจิตใจนิสัยหลัก

ปรับชีวิตให้เป็นไปตามใจรัก

อย่างรู้จักตนเองดีที่เป็นจริง

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2566

ไปศาล


 

พิจารณาตัวตนจนเป็นนิจ

รู้ถูกผิดรู้ดีงามทุกความหมาย

ดำรงอยู่สงบสง่าอย่างท้าทาย

สุขสบายสไตล์ตนเองไม่เกรงใคร


ไม่มีความขัดแย้งพลิกแพลงถ้อย

ไร้ร่องรอยความผิดคิดการไฉน

ไม่ต้องสืบหาความจริงสิ่งเป็นไป

ก็เพราะใจตนรู้เห็นประเด็นความ


มาศาลโลกกลัวใครไปยื่นฟ้อง

ทุกคำร้องต้องตกไปไม่ต้องถาม

ไม่มีโจทก์และจำเลยให้เอ่ยนาม

ให้ชมตามสบายใจ..ไกด์บรรยาย

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566

การให้พร


 

ถ้าเรามีความสุขที่เป็นสุขแท้

มีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด แท้ๆ

ก็สามารถที่จะอำนวยพรอันเหมาะสมแก่ผู้อื่นได้


หากเรายังไม่มีความสุขที่เป็นสุขแท้

จิตใจยังเปี่ยมไปด้วยกิเลส ตัณหา ขุ่นมัว

จะให้ในสิ่งที่ตนไม่มีแก่ผู้อื่นได้อย่างไร 


สีประจำวัน




 สีประจำวัน เป็นเรื่องสมมุติ โดยได้รับอิทธิพลมาจากตำนานฮินดู และกฎเกณฑ์ของตำราโหราศาสตร์ที่ได้กำหนดสีประจำแต่ละวัน ในทางพุทธศาสนาไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้


การกล่าวทักทายกันในโลกโซเชียล มีการใช้สีประจำวันเป็นสัญญลักษณ์สื่อถึงกัน ส่วนที่ไม่ได้ใช้สีที่สมมุติขึ้นตามวันก็ใช้ได้ไม่ผิดเงื่อนไขในการสื่อสารแต่อย่างใด

สะพาน


 ถ้าสะพานทอดยาวถึงราวฟ้า

คงไม่กล้าเดินไปไกลถึงนั่น

ถ้าสะพานทอดให้เชื่อมใจกัน

ก็คงมั่นหมายใจไปปลายทาง


เอาสะพานเมตตาทอดมาด้วย

จะได้ช่วยเชื่อมใจคนไกลห่าง

สัมพันธภาพที่เหมือนจะเลือนราง

ก็ไม่ร้างคนห่วงหาเอื้ออาทร


วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2566

เรือ


 

ไม่มีเรือรั่วน้ำให้ข้ามขี่

มีแต่เรือดีดีให้ขี่ข้าม*

เรือเล็กเล็กอย่างนี้ก็ดีงาม

เพียงใช้ข้ามนทีที่ต้องการ


ให้ชีวิตที่เป็นอยู่รู้เลือกฝั่ง

สร้างพลังกันภัยในทุกสถาน

โดยอาศัย"เรือธรรม"นำเหนือมาร

ล่องลอยผ่าน"ทุกขภัย"โดยนัย"เรือ"


*แปลงมาจากสำนวนมุขปาฐะภาคใต้ ที่ว่า "เรือดีดีไม่ขี่ไม่ข้าม เอาเรือรั่วน้ำมาข้ามมาขี่"

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2566

การเดินทาง


 

จะเดินทางอีกกี่ครั้งยังไม่รู้

ไปเที่ยวดูเช่นอย่างนี้อีกกี่หน

กายใจทนได้อย่างนี้อีกกี่ทน

รู้ตัวตนเช่นอย่างนี้อีกกี่นาน


ธรรมชาติพาวัยไปเรื่อยเรื่อย

กับแรงเฉื่อยแห่งพลังของสังขาร

มีทั้งตึงและค่อนจะหย่อนยาน

ส่อภูมิต้านเริ่มถอยค่อยโรยแรง


เมื่ออยากเที่ยวเทียวไปในบางที่

เพราะยังมีใจฮึกเหิมเพิ่มพลังแฝง

ทำตัวตนให้ยืนหยัดทะมัดทะแมง

ที่กล้าแกร่งที่หัวใจ..ยังไม่ชรา

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2566

สื่อคำ สื่อความ สื่อคน


 

ถ้าสรรคำที่สุนทรก่อนสื่อสาร

เพื่อส่งผ่านสิ่งดีดีที่สร้างเสริม

โดยเรียบเรียงร้อยคำนำแต่งเติม

เพื่อพูนเพิ่มกำลังใจมอบให้กัน


ทุกถ้อยคำที่งดงามคือความคิด

สื่อจากมิตรที่ดีเลิศงามเฉิดฉัน

ต่างนำสิ่งที่มีค่ามาแบ่งปัน

คือสัมพันธ์ปิยมิตรที่จิตเจริญ

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566

ระวังขยะออนไลน์


 หลายคนที่ใจกล้าหน้าซื่อซื่อ

โชว์ฝีมือคัดลอกไม่บอกแหล่ง

แล้วโพสต์ต่อในเฟซไลน์น่าอายแรง

ดังสำแดงสมองล้าปัญญาลด


ไม่คิดค้นแต่คิดคว้าเอามาแปะ

ไม่แยกแยะอะไรโพสต์ไปหมด

เพื่อนส่งมารับส่งต่อไม่ท้อทด

แค่ปรากฏว่าถูกใจโพสต์ไปเลย


เหมือนดูถูกคนอ่านสื่อสารลอก

ลากความบอกเพื่อนผู้อยู่เฉยเฉย

เอาเรื่องปลอมใส่สมองคนร้องเว้ย

ไม่งอกเงยสร้างสรรค์เรื่องปัญญา

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566

ทำใจ


 เติมเต็มความงามและดีให้ชีวิต

ปรับปรุงจิตที่อ่อนล้าให้กล้าหาญ

ได้เข้าถึงแก่นธรรมนำวิญญาณ

เป็นปราการคุ้มครองกันผองภัย


ท่ามกลางสิ่งขาวดำคละคล้ำเละ

สร้างฟอนเฟะและหดหู่สู่สมัย

ยกสิ่งร้ายให้เหมือนดีมีความนัย

โดยปัจจัยไม่เอื้อตามสิ่งทรามนั้น


เมื่อจิตใจมั่นคงไม่หลงเล่ห์

รู้พื้นเพแห่งพื้นฐานการแปรผัน

เห็นสิ่งดีกับสิ่งด้อยคอยแข่งกัน

ก็ถึงวันเห็นธรรมะชำนะอธรรม

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2566

ออกตัว


 ไม่ได้เขียนทุกเรื่องที่มีความคิด
ไม่ปล่อยจิตติดเรื่องเนื่องจากเห็น
ไม่ทำตนอวดปัญญามากกว่าเป็น
ไม่เคี่ยวเข็ญให้คนสนใจความ

เพียงนำถ้อยร้อยเรียงเสียงส่งรับ
คล้ายคล้ายกับนักกลอนอ่อนสนาม
มุ่งเสนอความคิดเห็นประเด็นงาม
พยายามไม่ให้ลบกระทบใคร

ที่ไม่เขียนวิชาการงานสร้างสรรค์
เพราะเลยวันติดตามความรู้ใหม่
ซึ่งทุกศาสตร์ก้าวหน้าพัฒนาไป
จึงตั้งใจเขียนเช่นนี้ดีแล้วครับ

มอง


 

เมื่อตาดู หูสดับ ใจรับทราบ

จากทุกภาพ มีนิยาม สื่อความหมาย

มีเรื่องราว ให้กล่าวถึง ซึ่งมากมาย

และหลากหลาย แง่มุม ครอบคลุมความ


ที่มองเห็น จึงมิใช่ เพียงได้เห็น

มีประเด็น เนื้อในนำ ตอบคำถาม

ทั้งตื้นลึก ทุกเรื่องมี ด้อยดีงาม

มองเห็นตาม ความเป็นจริง ของสิ่งนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2566

คนเรามีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน


 

เมื่อต่างมา และมาต่าง กันอย่างนี้

ก็ย่อมมี ต่างกิจกรรม ดำรงอยู่

จึงย่อมต่าง สร้างสรรค์ อันฟุบฟู

เพราะเป็นผู้ เลือกสร้าง หนทางตน


อาจจะดู เหมือนคล้าย ละม้ายบ้าง

แต่แตกต่าง ห่างกัน ขั้นเหตุผล

เพราะสไตล์ “เป็นอยู่มี” ที่ต่างคน

ต่างอยู่บน วิถีชีวิต คิดต่างกัน


เมื่อต่างคน ต่างมา-ไป ซึ่งไม่เหมือน

ก็ย่อมเคลื่อน ทางชีวิต แปลกผิดผัน

ต่างจุดปลาย เบื้องหน้า เกินฝ่าฟัน

ย่อมต่างวัน ต่างการจบ ณ ภพนี้

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2566

ชิม


 

กับแก้วไวน์ในมือถือมาทัก

คือกับดักมาล่อต่อได้ไหม

เพียงนิดหน่อยมิเห็นจะเป็นไร

จิบชิมไปก็เริ่มอุ่นใจสุนทรีย์

 

เมื่อเลือดลมไหลคล่องจะลองอีก

แต่ก็หลีกไม่ตามความอยากนี่

เพียงหนึ่งดริ๊งค์จริงจริงก็ดื่มพอดี

แค่เปลี่ยนสีหน้าฉ่ำก่ำแกมแดง


วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566

กังหันลม - กังหันใจ


 ยะเยือกเย็นยามลมพรมพัดผ่าน

เย็นสะท้านสะท้อนรับกับกังหัน

ช่างหมุนวนแม้พ้นผ่านไปนานวัน

ถึงกระนั้นยังหมุนดีอยู่ที่เดิม


กังหันใจในมนุษย์สุดจะหมุน

ทั้งละมุนและรุนแรงแฝงสิ่งเสริม

เปลี่ยนไปมาตามอารมณ์ขย่มเติม

เปลี่ยนจากเริ่มสู่ปลายหมุนหลายทาง