วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

จบและเริ่ม


 วันเวลามาเติมวัยเพื่อไปต่อ

ถึงรู้พอก็เห็นงามตามวิถี

แม้เวลามาเติมให้อีกหลายปี

ก็ยินดีและเต็มใจไปด้วยกัน


ได้หายใจรดเวลามานานแล้ว

ตั้งใจแน่วว่าหายใจอย่างไม่หวั่น

เดินในหนกุศลสุขทุกทุกวัน

และหมายมั่นก่อกรรมดีที่ควรเป็น


เพิ่มเวลาให้ถึงธรรมชำระจิต

ปรับจริตคิดอ่านการรู้เห็น

รู้ลดร้อนเพื่อพบสงบเย็น

รู้ประเด็นที่ควรปรับรับวันวัย


วิถีทางที่เพิ่มเพียรให้เรียนรู้

กับการอยู่ถึงวันปรัตยุบันสมัย

เห็นสิ่งเสื่อมสิ่งงามต่างความนัย

เห็นเภทภัยอันตรายในรายทาง


เมื่อเวลามาเติมวันอันสมมุติ

มาถึงจุดจบและเริ่มเสริมและสร้าง

เป็นอย่างนี้เป็นต่อไปไม่ละวาง

ทุกคนต่างก็เพิ่มวัยไปอีกปี


จึงขอส่งเจตนาดีที่ปรารถนา

อันควรค่าแห่งรักและศักดิ์ศรี

ให้ปิยมิตรและผองชนคนดีดี

"เป็นอยู่มี"เจริญสุขทุกทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566

สมมุติ(เอา)


 สิ่งสมมุติอาจสมอารมณ์หมาย

เหมือนสบายรื่นรมย์สมมุติสุข

บางครั้งเศร้าสุดสุดสมมุติทุกข์

สมมุติสนุกทุกเทศกาลสำราญใจ


อยู่กับการสมมุติสุดหรรษา

ทุกการคว้าสมมุติจุดไหนไหน

โลกสมมุติเรืองรองผ่องอำไพ

อาจก้าวไปโดยสมมุติให้สุดซึ้ง


ส่วนความจริงที่เห็นเป็นจริงแท้

อาจย่ำแย่หรือดีกว่าการคว้าถึง

ความจริงย่อมแปรปรวนควรคำนึง

ทุกสิ่งพึงมองให้แน่แท้หรือปลอม

วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พัก


 ใช้ความเงียบให้งามปรุงความคิด

ปรับกายจิตให้สงบสยบฝัน

กับชีวิตที่กร้าวกร้านมานานวัน

ยังมุ่งมั่นก้าวต่อไปแบบใฝ่ดี


การตั้งหลักพักผ่อนก่อนไปต่อ

มิใช่รอจังหวะหมายผละหนี

กรองโอกาสดีหรือด้อยมากน้อยมี

เมื่อเหมาะที่ก่อกิจกรรมก็ทำเลย

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เป็นเท่าที่เป็น


 เป็นเท่าที่มีเป็นอยู่ก็หรูแล้ว

คือคนแนวธรรมดาที่ผ่าเผย

ไม่ต้องมีคนอื่นชื่นชมเชย

รู้วางเฉยคำนินทาหรือว่าชม


ด้อยหรือดีก็ที่ตนเป็นคนสร้าง

เป็นอยู่อย่างรู้จักพอก็สุขสม

สงบเงียบเรียบง่ายสบายอารมณ์

ไม่ผูกปมสร้างวิกฤติให้จิตตน


อีกทั้งไม่ใฝ่สอดรู้เรื่องผู้อื่น

ไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าใหม่ให้สับสน

ยอมเสียสิ่งที่ควรจะสละพ้น

โดยหวังผลอันมีค่าเหนือกว่าเดิม


เป็นเพียงคนธรรมดาก็ผาสุก

ไม่ต้องปลุกหัวใจให้ฮึกเหิม

ส่วนความดีซึ่งมีอยู่ต้องรู้เติม

ให้ดีเพิ่มทุกทางอย่างดีจริง

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ไม่มีชื่อเรื่อง (รักเก้อ รักคุด)


 จะคิดถึงคนดีสักกี่คิด

จะส่งจิตบอกรักสักกี่หน

จะมีใครจริงใจรักสักกี่คน

จะมีหนทางถึงรักสักกี่ทาง


ไม่มีใครเป็นสะพานเพื่อสานรัก

ไม่มีนักกล่าวถ้อยห้ามถอยห่าง

ไม่มีเสียงสนองรักหรือจักร้าง

ไม่มีว่างสักช่องไหมหัวใจเธอ


บรรจงจัดวางรักอย่างหนักแน่น

และวางแก่นรักแท้ในดวงใจเสมอ

ทั้งความจริงและในฝันก็หมั่นเจอ

ถึงรักเก้อเป็นรักคุดก็สุดรัก

วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เดินทาง


 การเดินทางตามวิถีของชีวิต

ด้วยกายจิตติดธรรมกรรมกุศล

เมื่อมีเหตุเภทภัยใดมาผจญ

ก็ผ่อนปรนภัยร้ายให้บรรเทา


เมื่อใช้ธรรมปัญญาเป็นอาวุธ

เป็นมนุษย์ย่อมอาจฉลาดเขลา

รู้เหตุแท้ปรุงแก้เหตุเภทภัยเบา

รู้ใช้เชาวน์ธรรมปัญญานำพาตน

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

อารมณ์ไหน


 อาจสื่อความพอใจจากใบหน้า

ส่วนหน้าตาสื่ออะไรไม่เฉลย

อาจเป็นภาพอบอุ่นที่คุ้นเคย

หรือภาพเผยอะไรในอารมณ์


จะอิ่มเอียนหรือจักกระอักอ่วน

ราวโดยชวนให้ลองของขมขม

จึงสื่อผ่านทางหน้าตาไม่น่าชม

บ่งบอกปมที่รู้สึกลึกในใจ

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

หาก็ได้ ให้ก็ดี


 

ตราบใดที่ลมหายใจไม่หยุดนิ่ง

ต้องหาสิ่งอันดีงามตามปรารถนา

ไม่ปล่อยตนทอดอาลัยรอวัยชรา

แต่ต้องกล้าหาสิ่งปรุงบำรุงใจ


เพราะเวลาพาวัยไปเรื่อยเรื่อย

จะอยู่เฉื่อยซบเซาหงอยเหงาไฉน

เมื่อชีวิตมีหนทางยาวกว้างไกล

อย่าปล่อยให้หดสั้นกั้นทางตน


ไม่ต้องเลือกสิ่งที่ดีสุดสุด

แค่เลือกจุดที่น่าจักเกิดมรรคผล

ได้เสริมแรงแกร่งกล้าธรรมดาชน

ก้าวผ่านพ้นสิ่งยึดติดความคิดตัว

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ชิม




 ไม่ชำนาญแต่ก็พอทำได้ 

น้ำผลไม้ขวดกลมผ่านบ่มหมัก

นานนานทีที่นานนานกับการพัก

ก่อนตั้งหลักกับจานอาหารคาว


หน้าตาโรยก็ปรากฏความสดชื่น

เหมือนกับตื่นจากปวงความง่วงหาว

ให้เดินทางก้าวต่อไปได้นานยาว

ร้อยเรื่องราวแห่งวันวัยไปอีกนาน

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

สูง หนาว ?

 


ขึ้นเขาสูงเพื่อไปกอดไอหนาว

หวังเก็บดาวมาร้อยเป็นสร้อยสาย

เจอแต่เกล็ดหิมะพะพร่างพราย

กับลมร่ายเพลงหวานผ่านหัวใจ


ปล่อยตาให้กลืนกลมอารมณ์สุข

หลบซ่อนทุกข์มิให้เห็นเป็นไฉน

นั่งรับลมห่มแดดหนาวผะผ่าวไป

มิหวั่นไหวหนาวหรืออุ่นกระตุ้นตน


ไม่ปล่อยว่างเพราะมีที่ยึดเหนี่ยว

ยังโฉบเฉี่ยวสุขสงบประสบผล

รู้จักแบกรู้จักวางอย่างอดทน

ปล่อยกมลสุขสบายเช่นกายเป็น

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สบาย สบาย


 ได้รู้เห็นเพียงเท่าที่มีให้เห็น

จะร้อนเย็นทุกแห่งหนยังทนไหว

สงบเงียบเวิ้งว้างแนวกว้างไกล

ควบคุมใจให้ร้อยเรียงเคียงข้างกาย


อยู่กับว่างแต่ทำใจเหมือนไม่ว่าง

ถึงไกลห่างแต่ทว่าใจไม่ห่างหาย

รู้จักครองทุกข์สุขสนุกสบาย

ยังไม่หน่ายสิ่งดีงามทุกยามยล

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ไม่ลืมหรือลืม


 หอบเสื้อผ้าสารพัดจัดมาหอบ

ทั้งของชอบของใช้หอบได้หมด

มิได้ลืมแต่ไม่ชอบหอบลาภยศ

จึงปรากฏตัวตนเพียงคนธรรมดา


แม้ครั้งคราวเดินทางไปต่างถิ่น

สัมผัสกลิ่นไอแปลกแทรกภูผา

พกแต่กายกับหัวใจเทียวไปมา

ลืมชราหรือสูงวัย..สบายใจครับ

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ภัยชรา


 

เมื่อชีวิตยังต้องแบกกองทุกข์

เพียงซ่อนซุกให้ปรากฏว่าสดใส

แท้ต้องหอบสังขารผ่านโรคภัย

ล้วนเป็นไปตามวิถีชีวิตคน


มีเสื่อมถอยด้อยแรงไม่แข็งกล้า

ความชรามาเยือนเหมือนส่งผล

หลายส่วนของสังขารไม่ทานทน

หดเหี่ยวย่นโรยแรงแปลงอาการ


จึงยังต้องประคองทุกข์สุขไม่แท้

กับการแปรเปลี่ยนของกองสังขาร

ภัยชรามาจำเพาะเพราะเกิดนาน

ได้เชี่ยวชาญกับชีวิตเพราะฤทธิ์ทุกข์

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ออกนอกสนาม


 เก็บเกี่ยวประสบการณ์ผ่านโลกกว้าง

หลากเส้นทางต่างวิถีมีความหมาย

เมื่อมุมมองส่องประเด็นเห็นมากมาย

ทั้งดีร้ายหลายหลากแง่ให้แปลความ


แม้นซึมซาบปลาบปลื้มใจในถิ่นที่

แต่บางทีต้องกล้าออกนอกสนาม

พบความจริงมากมายหลายนิยาม

ใช่หวังตามแต่ให้เห็นความเป็นไป


ที่แปลกตาก็รู้เห็นเป็นเพียงแปลก

เพราะจำแนกเรื่องราวว่าเก่าใหม่

อาจแปลกตาแต่รู้แยกไม่แปลกใจ

จะใกล้ไกลมองลึกลึก..รู้สึกดี

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2566

สวัสดีมีสุข


 

จะวันนี้หรือวันไหนเมื่อใจสุข

นิรทุกข์ห่างหายสบายเสมอ

ประสบสิ่งสารพันอันควรเจอ

สนองเสนอสู่สมอารมณ์ปอง


ยินวาจาที่ไพเราะเสนาะโสต

ยังประโยชน์เลิศล้ำบำรุงสมอง

ทั้งตาเห็นสาระธรรมแท้ทำนอง

พินิจของที่เป็นจริงทุกสิ่งไป


ทุกสัมผัสกลิ่นเสียงรสปรากฏรู้

เป็นมีอยู่ดูแนวทางสว่างไสว

มองธรรมชาติรอบข้างอย่างเข้าใจ

สบสิ่งไหนรู้ว่าเป็นเช่นนั้นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566

สุข


 เอาความสุข มาพินิจ เพราะคิดสุข

ละลายทุกข์ ให้จาง และห่างหาย

ทุกจริต เมื่อคิดฝัน ห่างอันตราย

สร้างเรียบง่าย ให้ชีวิต ติดธรรมดา


ลดต้นทุน เสริมแต่ง แพงเกินเหตุ

ลดกิเลส ความอยาก หลากตัณหา

ไม่ประมาท ทางชีวิต ผลิตปัญญา

สงบสง่า ทุกเป็นอยู่ อย่างรู้ควร

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566

บานก็บาน

 


ถึงคราวบานก็บานอย่างหาญกล้า

ไม่ด้อยค่าตัวตนให้หม่นหมอง

เด่นหรือด้อยใช่ที่ค่าตาคนมอง

อยู่ที่ครองความดีชั่วในตัวตน


เมื่อเปิดเผยแง่งามตามธรรมชาติ

งามพิลาสชัดแจ้งในแห่งหน

ความจริงที่ไม่แสร้งแปลงปลอมปน

ก้าวผ่านพ้นถ้อยคำใดใครติชม

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2566

งาม(นอก-ใน)


 

จากภายนอกดูดีเพราะสีสวย

ภายในด้วยเนื้อดีกว่าที่เห็น

เมื่อดีนอกบอกในฉันใดเป็น

สื่อประเด็นแห่งความดีงามพร้อม


บ้างภายนอกหลอกตาดังว่าสวย

ดูงามด้วยเสริมแต่งแปลงกลิ่นหอม

แต่เนื้อในไม่มีค่าเพราะว่าปลอม

ดีแท้ย่อมคงความงามตามเป็นจริง

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566

จะเลือกอะไรก็ตาม : ก่อนเลือก


 


ถ้าหลงคำสำเนียงเสียงกล่าวอ้าง

แล้วถือข้างอย่างนั้นเป็นมั่นหมาย

ลืมตริตรองด้วยปัญญาว่าดีร้าย

จนสุดท้ายหลายแง่มุมคือหลุมพลาง


ไม่ลืมตนปนประมาทจนขาดสติ

คิดอ่านตริตรองชัดสิ่งขัดขวาง

มองให้เห็นสิ่งดีร้ายทั่วรายทาง

แล้วเลือกข้างอย่างผู้รอบรู้ความ

วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

หมายเหตุแห่งวัย : จาก77 สู่ 78






 ผ่านมาได้อีกปียังดีอยู่

ยังเห็นรู้ดีงามตามวิถี

ยังได้สร้างสิ่งเกื้อเพื่อสิ่งดี

เพิ่มทวีกุศลกรรมกับธรรมแท้


วันเวลาที่เคลื่อนเตือนให้คิด

ที่พลาดผิดให้เวลารักษาแผล

ถึงเข้มแข็งก็มีซ่อนความอ่อนแอ

เคยยอมแพ้และท้อก็หลายคราว


เพราะมัวหลงด้วยเหตุกิเลสตัณหา

หลงไขว่คว้ากอบเก็บจนเหน็บหนาว

เมื่อปัญญาเกิดก็เห็นเป็นเรื่องราว

นิยายยาวแห่งชีวิตเป็นปริศนาธรรม

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เดินหน้า มองหลัง


 หลายหลายครั้งตั้งใจเดินไปหน้า

แต่เหมือนว่ายังคิดเรื่องเบื้องหนหลัง

เพราะอดีตเริ่มเสริมสร้างทางแห่งพลัง

ก่อความหวังให้มาถึงซึ่งบัจจุบัน


อดีตเป็นบทเรียนพากเพียรพบ

ให้ประสบทางทุกแง่ที่แปรผัน

สร้างเสริมชีพให้มีค่ามามากครัน

ทำความฝันให้เป็นจริงในสิ่งควร


มองความหลังเพื่อก้าวไปในจุดหมาย

หลบอันตรายหนามไหน่ใดขีดข่วน

เมื่อรู้ทางจังหวะที่เห็นดีล้วน

อาจสู้สวนหรือหลีกหลบสงบความ

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ไปวัดให้ถึงวัด


 

เมื่อไปวัด พร้อมพาใจ ไปถึงวัด

และได้ตัด กิเลสบ้าง แม้บางส่วน

สงบจิต คิดทางดี  ที่เหมาะควร

ได้ทบทวน ทุกกิจกรรม ที่ทำมา


พิจารณา ลดเลิกละ สิ่งอกุศล

นำพาตน ถึงธรรมะ ในพระศาสนา

เป็นฆราวาส ปุถุชน คนธรรมดา

ที่ปรารถนา ถึงธรรมแท้ ทุกแง่ธรรม

วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ทักทาย ให้กำลังใจ


 

ใช่โบกมือ สื่อความว่า ลาก่อนนะ

โบกเพื่อจะ ทักทายกัน อย่าหวั่นไหว

เธออยู่นั่น ฉันอยู่นี่ มิเป็นไร

ส่งแรงใจ ให้กันบ้าง บางเวลา


เพียงความคิด จิตใจดี มีความรัก

หมั่นตระหนัก รู้คุณชาติ ศาสนา

จงรักใน พระมหากษัตริย์ ด้วยศรัทธา

จึงโบก(มือ)มา เป็นแรงใจ ให้ทุกคน

วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

มอง

 


ถึงสองตาเพ่งมองสองตาเห็น

ทุกสิ่งเป็นเช่นไรเห็นไม่หมด

ในบางสิ่งบางวิถีมีเคี้ยวคด

บ้างปรากฏให้เห็นไม่เป็นจริง


เห็นแต่งามตามไม่ทันเขาปั้นแต่ง

ให้สำแดงเป็นอยู่มีดีทุกสิ่ง

ปรับคำรามให้เสนาะฟังเพราะพริ้ง

กลับกลอกกลิ้งมิให้ใครไล่ทัน


จึงตาหูต้องรู้เห็นไม่เน้นกระแส

รู้เนื้อแท้แห่งความจริงไม่อิงฝัน

ใช้ปัญญาสติพินิจคิดหลายชั้น

เห็นสิ่งนั้นโดยตริตรองอย่างถ่องแท้

วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เขียวจี๊ด


 เป็นเรื่องของ สีเขียว ที่เปรี้ยวจี๊ด

น่าใช้กรีด ขย่มปวง ลับลวงหวาน

ใช้ความเปรี้ยว ให้เป็น เช่นปราการ

ป้องกันมาร มวลอมิตร ที่คิดร้าย


หลายความคิด ที่ซับซ้อน ต้องย้อนคิด

เพราะมีผิด เหนือกว่าผิด วิปริตหลาย

ความชั่วดี ที่เหลื่อมกัน ล้วนอันตราย

โดยเป้าหมาย คลุมเคลือ ปิดเนื้อแท้


มิใช่ใจ จะจำยอม เป็นด้อมสี

แยกด้อยดี จึงเห็นควร สวนกระแส

เมื่อรักชาติ ศาสน์กษัตริย์ ประหวัดแด

ถ้าไม่แก้ ก็วิกฤติ พิษการเมือง

วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

มิใช่อยู่อยู่ก็ชูดอก


 เพราะมิใช่ อยู่อยู่ ก็ชูดอก

ต้นรากงอก จากดิน ถิ่นไหนไหน

เริ่มจากอ่อน เจริญแก่ แผ่กิ่งใบ

กว่าจะได้ ชูช่อดอก ออกงามตา


ทุกกรณี มีเรื่องราว ให้กล่าวถึง

เบื้องหลังซึ่ง สื่อความ ให้ถามหา

กับเรื่องราว ทั้งร้ายดี ที่เป็นมา

มิใช่ว่า เกิดมามี แล้วดีเลย


สรรพสิ่ง ทั้งร้ายดี มีกำพืด

ที่โยงยืด สืบสายมา อาจผ่าเผย

ทุกพัฒนา สื่อบอก ความงอกเงย

ความเฉลย ด้อยหรือดี ที่พฤติกรรม


วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

วันเกิด..วันแก่



 

 


วันเกิดบอก วันเวลา ว่าแก่เพิ่ม

ไม่ต้องเติม คำอวย ช่วยเสริมส่ง

เพราะวันนี้ คงมีแต่ แก่ชราลง

ต้องรู้ปลง เลขวัยย้ำ บอกธรรมดา


เป็นอยู่มี อย่างที่เป็น ที่เห็นได้

เงื่อนไขใต้ โลกธรรม นำวาสนา

และเข้าใจ ไตรลักษณ์ ประจักษ์มา

ย่อมเหนือค่า กว่าพรใด ที่ใครอวย


หมายเหตุ:เดือนกรกฎาคม เป็นเดือนเกิดของผู้เขียน แต่ไม่บอกว่าวันไหน

วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เป็นสุขได้ทุกข์ที่


 

เราอาจหาความสุขได้ทุกที่

เป็นอยู่มีธรรมดาก็ผาสุก

เมื่อรู้จักวางบ้างก็ห่างทุกข์

เดินตามยุคตามสมัยไม่กังวล


เมื่อคิดดีทำดีเหมือนที่คิด

กุศลจิตส่องทางสร้างกุศล

จิตสงบย่อมผ่อนลดร้อนรน

ก็ครองคนสงบสุขไม่ทุกข์ใด

วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

หิว




 ยามกายหิว ก็พึ่งพา เรื่องอาหาร

รับประทาน เพื่อประทัง ยังชีพไหว

กินแค่อิ่ม เพื่อพลังพอ ก้าวต่อไป

โดยจะไม่ กินเพลิน เกินจำเป็น


ยามใจหิว กระหาย มักหลายเรื่อง

สิ่งสืบเนื่อง ความอยาก ยากรู้เห็น

เพราะใจอยาก ไม่จบ ครบประเด็น

ต้องลำเค็ญ หากสนอง ใจต้องการ

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ตัวตน ณ วันนี้


 


คือตัวตน วันนี้ ที่เห็นได้

มีการไว้ ให้เห็น เน้นบางส่วน

ให้พอเห็น ว่าเจริญ มาเกินควร

ทุกสิ่งล้วน สร้างสม มานมนาน


ยังไม่แก่ แต่ทว่า อายุมาก

ยังไม่อยาก นับรอบปี ที่พ้นผ่าน

มีสมถะ สุขสงบ ให้พบพาน

พาสังขาร ห่างเหตุ กิเลสภัย.

วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เอื้อ

 


เห็นรอยยิ้มยินดีที่เธอยิ้ม

ร่องรอยปริ่มเปรมสุขทุกสมัย

บรรเจิดจิตคิดเอื้อเหนือวันวัย

สือปราศรัยด้วยจิตมิตรไมตรี


ถ้าทุกอย่างในวันนี้มีกูลเกื้อ

ช่วยแผ่เผื่อเอื้อสุขกันทุกที่

จะลดร้อนผ่อนร้ายให้เป็นดี

ทุกสิ่งมีพอจะเอื้อเพื่อทุกคน

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ป่ายาง (สวนยาง)


 คิดถึง "ป่ายาง"


เมื่อตอนเด็กเล็กอยู่รู้จำได้

กับต้นไม้ชนิดนี้ที่คอยหนุน

จากหลายกรีดมาเป็นดังเช่นทุน

ส่งเสริมคุณอเนกอนันต์ทางปัญญา


ได้เรียนรู้และรู้เรียนสังเวียนชีวิต

รู้ถูกผิดด้อยดีงามตามประสา

จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่สู่วัยชรา

ยังจำค่าปัจจัยเอื้อเกื้อกูลตน

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ปลีก



จะปลีกตัวปลีกใจปลีกไม่พ้น

ความกังวลห่วงสนิทยังคิดถึง

ยังห่วงหายังอาวรณ์ย้อนคำนึง

กับท่านซึ่งเคยจุนเจือเอื้ออาทร


จึงปลีกตัวแค่สงบเพื่อพบวิเวก

เป็นปัจเจกชนที่ยังมีสังหรณ์

คาดรู้เหตุรู้ปัจจัยในทางจร

ต้องสังวรในทุกเหตุทุกเจตนา

 

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

เลือก


 

ยังต้องเลือก พิจารณา กว่าจะซื้อ

เหตุผลคือ หาของดี ที่เหมาะสม

โดยไม่ต้อง ตามแง่ กระแสนิยม

ที่ต้องงม หานิยาม ความเป็นจริง


บางอย่างดี แต่กังขา ว่าปนเปื้อน

ปนพิษเหมือน เสริมยา น่าเกรงกริ่ง

ที่เลือกมา ยังนึกพรั่น หวั่นประวิง

กลัวเจอสิ่ง ที่เป็นของ เกินต้องการ

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2566

มอง


 

เมื่อเพ่งมองของสวยด้วยจิตว่าง

สิ่งรอบข้างทั้งหมดก็สดใส

เห็นความงามและความดีที่อำไพ

เห็นปัจจัยที่เอื้อความงดงามนั้น


เมื่อไม่มีสิ่งบังใจไขว้ความคิด

ไม่ปล่อยจิตคล้อยตามแง่กระแสฝัน

เห็นความจริงที่เป็นจริงทุกสิ่งอัน

ก็รู้ทันทั้งดีร้ายหลายหลายกรณี

วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2566

พัก


 

เหนื่อยไม่เหนื่อยก็จักรู้พักบ้าง

เป็นอยู่อย่างรู้ระวังเรื่องสังขาร

เมื่ออยู่ในวัยค่อนจะหย่อนยาน

ตรากตรำนานจนเกินไปก็ไม่ดี


หลายหลายอย่างที่ไม่เหมือนใจนึก

ใจยังคึกแต่ส่วนกายเริ่มหน่ายหนี

หากอวดแรงทำแกร่งกล้าว่าพลังมี

ความจริงชี้บอกความจริงในสิ่งเป็น

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2566

นอก_ใน


 

แดดจะร้อนไม่อ่อนล้าก็ฝ่าแดด

เพียงอย่าแผดเผาไหม้ให้คล้ำผิว

ได้ใกล้ชิดสนิทเสน่ห์ไอทะเลปลิว

ให้ใจลิ่วลอยเหินเพลินกับร้อน


ถึงแม้ลมแดดเปรี้ยงสักเพียงไหน

แต่ที่ใจรับทราบเหมือนภาพหลอน

อุณหภูมิธรรมชาติอาจสะท้อน

แต่ไม่ย้อนฝ่าผ่านแรงกำแพงใจ

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

บานเพิ่อโรย

 


บานเพื่อโรย


ถึงเล็กเล็ก ก็งดงาม ตามประสา

สวยสง่า ชูชันช่อ อย่างบริสุทธิ์

บานเพื่อโรย ขึ้นเพื่อลง ทรงเพื่อทรุด

ดีทั้งจุด เริ่มและจบ สบสวยงาม


กล้วยไม้เล็ก นี้หรือ คือเข็มขาว

สื่อเรื่องราว ตอกย้ำ บางคำถาม

ผลิดอกมา แล้วคงอยู่ เพียงครู่ยาม

โรยไปตาม วันเวลา ไม่ช้านาน


สวยมากน้อย ด้อยหรือใหญ่ ก็ไม่แกร่ง

เพราะเกินแรง  ฝืนพลัง ของสังขาร

ย่อมโทรมทรุด เกินหยุดห้าม ไปตามกาล

คงก้าวผ่าน  อดีตเยี่ยง เพียงเคยเป็น

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

อยู่กับปัจจุบัน

อดีตที่ไม่ควรจำทำลืมบ้าง

แล้วอยู่อย่างปัจจุบันที่หรรษา

เพราะที่ผ่านนั้นหรือคือธรรมดา

ทั้งเข้ามาและจากไปไม่ยั่งยืน


ยึดตามหลักโลกธรรมนำมาใช้

ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไปไม่อาจฝืน

อาจตกต่ำย่ำแย่แต่พลิกฟื้น

ราวกลางคืนเป็นกลางวันเช่นนั้นเอง


เมื่ออยู่กับปัจจุบันเลิกหวั่นหวาด

ไม่คิดขยาดแต่กลับกระฉับกระเฉง

เพราะรู้ทันสิ่งสมมุติมนุษย์เกรง

เพียงแค่เคร่งธรรมปัญญานำพาตน
 

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

มองเมืองมองคน


 ทั้งสองตาคอยส่องที่มองเห็น

เก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้นึกถึง

เพราะอาจมีบางภาพที่ซาบซึ้ง

เมื่อครั้งหนึ่งเคยผ่านบ้านเมืองนี้


สงบเงียบงามเรียบร้อยไม่ด้อยค่า

สะอาดตาพาสุขกายหลายถิ่นที่

สื่อเอกลักษณ์ของเมืองรุ่งเรืองทวี

และบ่งชี้ระเบียบวินัยแห่งใจคน

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2566

ท้องฟ้า ทะเล และ..



 คอยรอฟ้าเมฆลมมาห่มคลื่น

ตะวันยื่นแสงฉาบทาบทอผิว

ละลอกคลื่นระยิบกะพริบพริ้ว

ใจเจียนปลิวหายวับไปกับลม


ได้อาศัยสะพานเป็นด่านกั้น

เพื่อก่อฝันยามผ่านผสานผสม

ทั้งทะเลเมฆลมฟ้าน่าชื่นชม

เห็นกลืนกลมชวนสนุกทุกมุมมอง


เป็นไอน้ำและไอดินในถิ่นที่

อากาศดีมีแง่งามทุกยามส่อง

เด่นสะพานเลียบเมืองดูเรืองรอง

ชวนให้ตรองคิดฝันสวรรค์ทะเล


#สะพานชลมารควิถี

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

ความพอดี ที่พอดี


 

ถ้าเติมความพอดีให้ชีวิต

สนองจิตจริตดีที่สรรหา

ไม่ประวิงสิ่งเสียไปไหนได้มา

มองคุณค่าแก่สิ่งที่ยังมีคุณ


มีไม่มากเกินไปและไม่ขาด

ไม่ต้องคาดหวังเผื่อใครเกื้อหนุน

ไม่กินแรงไม่ออมแรงหรือแย่งตุน

ทุกคนจุนใจเจือต่างเอื้อกัน


เติมพอดีที่งามอร่ามร่วม

สังคมรวมมีการสมานฉันท์

ส่งเสริมดีที่ร้ายก็คลายพลัน

ร่วมแบ่งปันสุขทวีที่ถาวร

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2566

เวลา


 จะยื้อยุดหยุดเวลาว่าอย่าผ่าน

พักนานนานอยู่กับที่จะดีเหลือ

ตัดอดีตอนาคตให้หมดเชื้อ

ให้คงเหลือปัจจุบันเช่นวันนี้


แต่บางคนบนทางระหว่างฝัน

รอถึงวันอันพ้นทุกข์ได้สุขขี

อยากเร่งวันเวลาอย่าช้าที

เร่งเร็วรี่สู่วันใหม่อย่าได้ช้า


สำหรับผู้ติดในสุขสนุกสนาน

นานไม่นานอย่างไรก็ไม่ว่า

เพียงไม่ทุกข์สนุกใดขอให้มา

วันเวลาผ่านอย่างไรไม่กังวล


จะยื้อยุดหยุดเวลาหาได้ไม่

อดีตไปปัจจุบันมาอย่าสับสน

เวลาเอื้อให้เท่าทันกันทุกคน

แต่เกิดผลจากเวลาค่าต่างกัน

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2566

เล่น เล่นๆ


 

แก่ไม่แก่ก็ปรับใจให้ทันยุค

สุขไม่สุขก็กดรูดพิสูจน์สมอง

ทั้งแต่งรูปเรียงคำเป็นทำนอง

บางทีต้องแปลความตามเนื้องาน


บางทีดูเหมือนเล่นเห็นเห็นอยู่

แท้เพ่งดูหน้าจอไปผ่านไม่ผ่าน

บ้างปล่อยใจรวยรินจินตนาการ

ให้เบ่งบานที่ลานใจใครบางคน


มีเครื่องมือซื้อใส่ไว้ในเครื่อง

ก็ไม่เปลืองเมื่อใช้แล้วได้ผล

จะคิดเขียนทำอะไรตามใจตน

ได้ทุกหนทุกแห่งที่มีความคิด


วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566

สายสงบ


 เป็นตัวตนคนธรรมดามามือเปล่า

เพียงหอบเอาบุญกรรมนำมาด้วย

มีปัจจัยในทางธรรมเอื้ออำนวย

เสริมส่งช่วยส่องทางสว่างมา


สงบเงียบเรียบง่ายเป็นสายสงบ

ไม่เจนจบโลกชีวิตหลากปริศนา

ด้วยครรลองครองตนคนธรรมดา

ไม่ปรารถนาดังเด่นดีที่เหนือใคร

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566

อดีต-ปัจจุบัน


 

ทุกทุกที่มีเรื่องราวให้กล่าวถึง

เป็นเรื่องซึ่งดีงามมีความหมาย

และเรื่องที่โรมรันฝ่าอันตราย

มีทำลายมีสร้างสรรค์สืบกันมา


เป็นประวัติที่สะท้อนย้อนผ่านยุค

อาจจะปลุกวิญญาณผู้หาญกล้า

และอาจเป็นแนวทางเอื้อเพื่อพัฒนา

เพื่อรักษาสิ่งที่รักอย่างสมัครใจ


ทุกอย่างเป็นปัจจัยให้ได้เรียนรู้

ที่เป็นอยู่มีรกรากมาจากไหน

ปัจจุบันจะสรรค์สร้างกันอย่างไร

ถ้าอดีตไม่มีใครสร้างอย่างที่เป็น

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2566

ระวังคนหลอกคน


 คนจะดีที่พฤติกรรมเหนือคำพูด

ซึ่งพิสูจน์ด้อยดีงามทรามถ่อยเถื่อน

หรือแสร้งดีแต่ถ้อยคำพร่ำเลอะเลือน

ทำตนหมือนเป็นตามบทกำหนดมา


เวลาอ่านหรือฟังความตามสื่อเสนอ

ไม่ควรเผลอเห็นดีงามตามเนื้อหา

ควรตรวจสอบให้เป็นเห็นเจตนา

ประเมินค่าเรื่องราวข่าวสารนั้น


อย่าปล่อยใจให้เห็นงามตามสิ่งล่อ

ฉลาดพอไม่ตามใจเรื่องในฝัน

รู้จักแยกไหนดีชั่วพ้นพัวพัน

รู้ป้องกันคนหลอกคนให้พ้นทาง


วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2566

ชมนม(ชีส)




 ใช้เพียงตามองไม่รู้ดูไม่เห็น

ว่ามันเป็นอย่างไรทำใจฉงน

คือของแท้หรือนี่มีปลอมปน

แท้คือผลพัฒนามาจากนม

จึงไม่ได้มาชมนมขาวขาว

ชมเรื่องราวชีสที่มีปั่นบ่ม

แปรรูปเสร็จมีขายให้และชม

ได้แต่ดมไอหอมหอม..ไม่พร้อมชิม

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2566

มองตน ปรับตัว


 

ถ้ามองตนให้เหมือนมองส่องคนอื่น

ไม่ต้องฝืนกรอบการคิดเป็นปริศนา

ให้มองตนเห็นตัวตนคือคนธรรมดา

ไม่เหนือกว่าหรือต่ำต้อยด้อยกว่าใคร


ด้วยดวงตาและหัวใจไม่เอียงข้าง

รู้ทุกอย่างตนได้เห็นเป็นแบบไหน

ได้มองชัดว่าตนเป็นเช่นอย่างไร

มีส่วนไหนเด่นหรือด้อยมากน้อยนัก


ได้หยุดมองความเป็นไปในชีวิต

ทั้งความคิดจิตใจนิสัยหลัก

ปรับชีวิตให้เป็นไปตามใจรัก

อย่างรู้จักตนเองดีที่เป็นจริง

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2566

ไปศาล


 

พิจารณาตัวตนจนเป็นนิจ

รู้ถูกผิดรู้ดีงามทุกความหมาย

ดำรงอยู่สงบสง่าอย่างท้าทาย

สุขสบายสไตล์ตนเองไม่เกรงใคร


ไม่มีความขัดแย้งพลิกแพลงถ้อย

ไร้ร่องรอยความผิดคิดการไฉน

ไม่ต้องสืบหาความจริงสิ่งเป็นไป

ก็เพราะใจตนรู้เห็นประเด็นความ


มาศาลโลกกลัวใครไปยื่นฟ้อง

ทุกคำร้องต้องตกไปไม่ต้องถาม

ไม่มีโจทก์และจำเลยให้เอ่ยนาม

ให้ชมตามสบายใจ..ไกด์บรรยาย